อาหารเสริมชาย องค์การเภสัช ยาแบรนด์ไทย คุณภาพระดับสากล
4 ธันวาคม 2563, 03:17 น.ในปัจจุบันเราจะพบได้ว่าปัญหาสุขภาพของคุณสุภาพบุรุษที่จะเป็นปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกาย และจะนำมาสู่ ผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคุณสุภาพบุรุษนั้น ปัญหาในระดับต้น ๆ นั่นก็คือปัญหาของการหย่อนสมรรถภาพทางเพศซึ่งแนวทางในการรักษาบำบัดอาการในส่วนนี้ในปัจจุบันเราจะพบได้ว่าวิธีการที่ได้รับความนิยมโดยส่วนใหญ่ หรือแนวทางที่ทางแพทย์มักจะให้คำปรึกษาเป็นแนวทางนะก็คือการรับประทานยา โดยตัวยา องค์การเภสัช นั้นจะเป็นรูปแบบของตัวยาที่ได้มีกระบวนการผลิต หรือจัดทำอยู่ภายในประเทศ และยังจะมีชื่อเรียกตัวผลิตภัณฑ์ หรือตัวยาซึ่งเป็นตัวยาสามัญอย่างเป็นทางการว่า ซิเดกร้า หรือไทยนั่นเอง
องค์การเภสัช เป็นอย่างไร
หากเราจะทำการพิจารณา องค์การเภสัช นั้นมีลักษณะเป็นเช่นไรใน เบื้องต้นเราจำเป็นจะต้องทำการพิจารณาในรูปแบบของตัวยาสามัญ หรือยากันก่อนว่ามีลักษณะ หรือมีที่มาเป็นอย่างไร
สำหรับยาที่บำบัดรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของในผู้ป่วยที่ประสบปัญหาการที่อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้เอง หรือไม่สามารถที่จะแข็งตัวได้สม่ำเสมอ หรือได้ในระยะเวลาที่ยาวนานเพียงพอที่จะสามารถปฏิบัติกิจกรรมการมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างเป็นปกติ โดยตัวยาที่มีการบรรจุอยู่ในยานั้นจะเป็นตัวยาสามัญที่มีชื่อว่า ซิลเดนาฟิล ซิเตรท Sildenafil Citrate 100 % ซึ่งจะเป็นตัวยามาตรฐานที่จะมีการบรรจุเอาไว้อยู่ในตัวยา หรือในรูปแบบของตัวยา ซิเดกร้า ซึ่งเป็น องค์การเภสัช ของไทยเรานั่นเอง
โดยสรรพคุณทางยาในการออกฤทธิ์ เพื่อบำบัดรักษาอาการนั้น ในตัวยา องค์การเภสัช หรือ ซิเดกร้านั้น จะมีคุณสมบัติ หรือมีความสามารถที่จะช่วยกระตุ้นสารไซคลิก-จีเอ็มพี (C-GMP) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายของเราสามารถที่จะผลิตได้เอง ที่จะมีส่วนช่วยทำให้ผนังหลอดเลือดภายในอวัยวะเพศของคุณสุภาพบุรุษขยายตัวได้ดีขึ้น ซึ่งนั่นก็จะส่งผลทำให้การไหลเวียนของกระแสโลหิตทำงานได้ดี และไหลเวียนเข้าถึงในบริเวณอวัยวะของคุณสุภาพบุรุษได้อย่างเต็มที่ โดยในบริเวณกล้ามเนื้อที่ประสบปัญหา หรือต้นตอของสาเหตุการหย่อนสมรรถภาพนั้นก็คือ กล้ามเนื้อคาร์โปราคาเวอร์โนซา (Corpora cavernosa) ที่จะมีลักษณะเป็นกล้ามเนื้อทรงกระบอกแบ่งเป็น 2 ห้อง และภายในจะมีลักษณะเป็นรูพรุน และมีจำนวนเส้นประสาทที่มากมาย และมีหลอดเลือดหลอดเลือดจำนวนมากอยู่ภายในนั้น ในการที่ตัวยาสามารถที่จะขยายหลอดเลือดได้ดีก็จะมีผลทำให้เลือดสามารถวิ่งเข้าไปในพื้นที่ในบริเวณนั้นได้โดยง่าย ซึ่งนั่นก็จะทำให้ผู้ที่ประสบปัญหาสามารถที่จะแข็งตัวได้ดีขึ้น หรือยาวนานเพิ่มมากขึ้น
สำหรับยา องค์การเภสัช ก็จะเป็นกลุ่มตัวยาในชนิดเดียวกับยา ที่มีการจัดจำหน่ายอยู่ในต่างประเทศเพียงแต่รูปแบบกระบวนการผลิต และการจัดทำจะอยู่ภายในประเทศไทย และจะได้มีการขึ้นทะเบียนตัวยาที่ใช้ชื่อว่า ซิเดกร้าซึ่งในมีตัวยา sildenafil citrate ที่เป็นตัวยาเดียวกันกับยา นั่นก็จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกันเพียงแค่ชื่อตัวยา หรือแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ แต่การให้ผล หรือการออกฤทธิ์ของตัวยาจะเป็นไปในลักษณะเดียวกัน หรือเหมือนกันกับยา ที่มีการจัดจำหน่ายโดยทั่วไปจากในต่างประเทศ
โดยการจ่ายยาในส่วนนี้ ปกติแล้วผู้ที่ประสบปัญหาจะไม่สามารถหาซื้อยาได้ด้วยตนเองจากตามร้านขายยาโดยทั่วไป การจ่ายยาสามัญในส่วนนี้จะต้องได้รับการปรึกษา หรือความคิดเห็นจากทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ถึงจะสามารถได้รับยาในส่วนนี้เพื่อบำบัดรักษาการ และส่วนสำคัญในการรับประทานยาในประเภทนี้อาจมีผลข้างเคียงแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไปการทานยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์จึงถือได้ว่าปลอดภัยมากที่สุดสำหรับตัวผู้ที่ประสบปัญหานั้นเอง
องค์การเภสัช ขนาดบรรจุ และ การรับประทาน
สำหรับ ขนาดบรรจุของ องค์การเภสัช หรือ ซิเดกร้า นั้นเราจะพบได้ว่าในปัจจุบันจะมีขนาดบรรจุที่จัดจำหน่ายอยู่ ใน 2 ขนาดแบบนั่นก็คือขนาด 50 มิลลิกรัม และ ขนาด 100 มิลลิกรัม ซึ่งในส่วนของรูปแบบของความแตกต่างของปริมาณของตัวยานั้นจะมีการกำหนดให้ทานในแต่ละผู้ป่วยที่ประสบปัญหาที่แตกต่างกันนั้นก็คือ
ในรายของผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง และมีอายุไม่เกิน 60 ปีขึ้นไป จะแนะนำให้ทานยาซิเดกร้าในปริมาณที่ 100 มิลลิกรัมได้ สำหรับในผู้ที่ สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว เช่นในกรณีผู้ป่วยเบาหวาน จะแนะนำให้รับประทานยาซิเดกร้าในปริมาณ 50 มิลลิกรัม ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ที่ประสบปัญหา หรือมีอาการป่วยจากภาวะตับทำงานบกพร่อง หรือปกติก็อาจจะแนะนำให้ทานยาในปริมาณที่ 25 มิลลิกรัม จึงจะถือได้ว่าปลอดภัย มากที่สุดในการรับประทานนั้นเอง
คำแนะนำในการรับประทานยา องค์การเภสัช ในเบื้องต้น
- ควรมีการรับประทานยา องค์การเภสัช ก่อน หรือหลังมื้ออาหาร ในระหว่าง 2-4 ชั่วโมงจึงจะส่งผลทำให้ตัวยาสามารถออกฤทธิ์ได้อย่าง สมบูรณ์ที่สุด
- ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะของอาการโรคเบาหวานอาจจะแนะนำ ให้มีการเว้นระยะการทานยา ใน 2 ประเภทให้อยู่ในระยะห่างที่ 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
- ไม่ควรทานยาในชนิดนี้ร่วมกันกับเครื่องดื่มในประเภทแอลกอฮอล์ในทุก ๆ ชนิด เช่น เบียร์ เหล้า เป็นต้น
- ห้ามมีการใช้ องค์การเภสัช ร่วมกันกับยาในกลุ่มการรักษาโรคหัวใจ ในกลุ่มไนเตรท เพราะจะเป็นการเสริมฤทธิ์ของยาให้เพิ่มมากขึ้น และจะสร้างผลทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำลงมามากจนอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตได้
- ห้ามใช้ยาในส่วนนี้ร่วมกับไซเมทิดีน (Cimetidine) เนื่องจากว่าจะเป็นกลุ่มตัวยาที่จะมีผลในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ที่อาจจะส่งผลสร้างปฏิกิริยา หรือเพิ่มความเข้มข้นของกระแสเลือดของผู้ประสบปัญหาซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชีวิตได้เช่นเดียวกัน
ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องของ องค์การเภสัช
โดยสรรพคุณของยา องค์การเภสัช นั้นจะเป็นรูปแบบของตัวยาที่มีความสามารถในการบำบัดรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ จากอวัยวะเพศของคุณผู้ชายให้เกิดการแข็งตัวได้เป็นปกติ หรือสามารถแข็งตัวได้นานเพียงพอที่จะสามารถประกอบกิจกรรมทางเพศได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ก็ยังมีส่วนหนึ่งของความเชื่อที่ผิด ๆ ของผู้ที่สนใจอยากจะรับประทานยาในชนิดนี้ หรือในกลุ่มคนที่มีความสนใจแต่ก็ได้หลงเชื่อคำอวดอ้างสรรพคุณจากผู้ขายที่ไม่ถูกต้องที่เราจะพบเห็นกันได้อยู่อย่างเป็นประจำจากการโฆษณาถึงความสามารถในการ เพิ่มอารมณ์ทางเพศให้กับคุณสุภาพบุรุษ หรือการช่วยให้คุณสามารถประกอบกิจกรรมได้นานขึ้น หรือที่เราจะเรียกว่าถึงจุดสุดยอดได้ช้าลง มีความสามารถในการเพิ่มขยายขนาดอวัยวะเพศของคุณสุภาพบุรุษ หรือไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไรก็ตาม โดยหลักของสรรพคุณทางยาของ องค์การเภสัช นั้นจะสามารถ ออกฤทธิ์เพื่อทำให้อวัยวะเพศของคนผู้นั้นแข็งตัวได้เพียงแค่อย่างเดียว หากพบในรายของผู้จัดจำหน่ายโดยทั่วไปหลังจากทำการตรวจสอบตัวยาส่วนผสมเป็นที่เรียบร้อยแล้วหาพบว่าไม่มีตัวยาพิเศษเพิ่มเติมอย่างอื่นแต่อย่างใดนอกเหนือจาก sildenafil citrate แล้ว ถ้ามีการอวดอ้างสรรพคุณในลักษณะอื่นก็ถือได้ว่าผู้จัดจำหน่ายแห่งนั้นได้ทำการหลอกลวงแล้ว ก็โปรดอย่าหลงเชื่อซื้อยาตัวนั้นมาใช้เพื่อหวังผลประโยชน์ในทางอื่นในการทาน
สรุปโดยรวมความสำคัญทางยา องค์การเภสัช นั้นเราจะสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นตัวยาในกลุ่มเดียวกันกับยาที่มีการจัดจำหน่ายต่างประเทศ ที่สรรพคุณโดยหลักแล้วจะมีความสามารถในการช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหาแข็งตัวได้ดี หรือแข็งตัวได้นานเพียงพอที่จะปฏิบัติกิจกรรม โดยตัวยาของ องค์การเภสัช ก็จะเป็นตัวยาตัวเดียวกันกับยาที่มีการจัดจำหน่ายโดยทั่วไปเพียงแต่ จะมีความแตกต่างในเรื่องของกระบวนการผลิตที่อยู่ในประเทศไทย และชื่อเรียกทางยาที่จะมีความแตกต่างเพียงเท่านั้น แต่สรรพคุณโดยหลักหรือตัวยาทั้งก็จะเป็นตัวเดียวกันนั่นเอง